CIRCULAR ECONOMY
เมื่อสิ้นสุดการบริโภค จะนำวัสดุที่เป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับมา สร้างคุณค่าใหม่ หมุนเวียนเป็นวงจรต่อเนื่องโดยไม่มีของเสีย นอกจากนี้
ยังมุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างความสมดุลในการหมุนเวียนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ควบคู่ไปกับการสร้างระบบ และการออกแบบที่มีประสิทธิภาพ
กฟผ. จึงได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
มาปรับใช้ในการดำเนินงาน โดยเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจ
แนวตรง (Linear Economy) ที่ก่อให้เกิดของเหลือทิ้ง และของเสีย
ปริมาณมากตกค้างในระบบนิเวศ เป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำวัสดุจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ ร่วมกับการพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
โครงการห้องเรียนสีเขียว
“สร้างสังคมภูมิปัญญาด้านพลังงานต่อคนไทย” (Knowledge - Based Society) เพื่อส่งเสริมมองค์ความรู้ และทัศนคติที่ดีในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ให้แก่เยาวชน บุคลากรในสถานศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งสร้าง
เครือข่ายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม โดยทาง กฟผ. และหน่วยงานพันธมิตรได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพครูและนักเรียนในการเป็นวิทยากรแกนนำในรูปแบบกิจกรรมอบรม/สัมมนาสนับสนุนให้ครูแกนนำ
จัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน และนักเรียนนำไปขยายผลสู่ครอบครัว และชุมชน
GREEN SCHOOL CAMP
ปี 2561
ค่ายห้องเรียนสีเขียวรักพลังงาน 17 ครั้ง 340 โครงการ
ปี 2561
ค่าย Green school camp ห้องเรียนสีเขียว
รักพลังงาน ระดับประเทศครั้งที่่ 1
ปี 2562
ค่ายนวัตกรรมห้องเรียนสีเขียวสู่โรงเรียนสีเขียวยั่งยืน
โครงการส่งเสริม และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ในพระราชูปถัมภ์ฯ เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานจึงได้ร่วมดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยการส่งเสริม และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ในพระราชูปถัมภ์ฯ ด้วยการติดตั้งหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า ให้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานทดแทน
ผลการดำเนินงานโครงการห้องสีเขียว
โรงเรียนสีเขียว
โรงเรียนต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม 196 โรงเรียน
สถานศึกษาและครัวเรือนสามารถ ลดหน่วยการใช้ไฟฟ้าสะสม (Energy Saving) 19,669,565.15 KWh
อาคารเบอร์ 5 ในสถานศึกษา 13 โรงเรียน
ลดการปล่อยก๊าซ CO2 สะสม (CO2 Emission Rrduction) 10,903,710.57 kgCO2
โรงเรียนคาร์บอนต่ำ
ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่โรงเรียน 449 โรงเรียน
โรงเรียนคาร์บอนสู่ชุมชน
ลดใช้พลังงานไฟฟ้าที่บ้านนักเรียน 275 โรงเรียน
หมายเหตุ : ข้อมูลปี 2563
โรงเรียนสีเขียว
โรงเรียนต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม 196 โรงเรียน
อาคารเบอร์ 5 ในสถานศึกษา 13 โรงเรียน
โรงเรียนคาร์บอนต่ำ
ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่โรงเรียน 449 โรงเรียน
โรงเรียนคาร์บอนสู่ชุมชน
ลดใช้พลังงานไฟฟ้าที่บ้านนักเรียน 275 โรงเรียน
สถานศึกษาและครัวเรือนสามารถ ลดหน่วยการใช้ไฟฟ้าสะสม (Energy Saving) 19,669,565.15 KWh
ลดการปล่อยก๊าซ CO2 สะสม (CO2 Emission Rrduction) 10,903,710.57 kgCO2
หมายเหตุ : ข้อมูลปี 2563
ฉลากเบอร์ 5 / บ้านเบอร์ 5
โครงการประชาร่วมใจ ประหยัดไฟฟ้า
ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
ต่อยอดไปยังกลยุทธ์ “3 อ.”
เพื่อให้การดำเนินโครงการ “ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ” บรรลุผลในการลดการใช้พลังงานโดยรวมของชาติ และลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจอย่างจริงจังจากทุกๆ ฝ่าย ดังนั้น กฟผ. จึงใช้แนวทางในการดำเนินโครงการจึงมุ่งที่จะใช้วิธีจูงใจ โดยการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า แก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกตามประเภทของผู้ใช้ไฟฟ้า คือ กลุ่มภาคที่อยู่อาศัย กลุ่มภาคธุรกิจ และกลุ่มภาอุตสาหกรรม ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “3 อ.” คือ อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า อาคารประหยัดไฟฟ้า และอุปนิสัยประหยัดไฟฟ้า
ผลการดำเนินโครงการฉลากเบอร์ 5
โครงการฉลากเบอร์ 5 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบันโดยมีส่วนช่วยในการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มโครงการ-ปี 2563 รวม 31,880 GWh คิดเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้รวม 17.87 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่านอกจากนี้ การดำเนินงานโครงการฉลากเบอร์ 5 ของ กฟผ.ยังเป็นส่วนสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตน์จำนงผ่านการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMA) ภายใต้มาตรการเกณฑ์มาตรฐาน และติดฉลากอุปกรณ์เบอร์ 5 มาตั้งแต่ปี <br>2558 - ปัจจุบัน โดยมีปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกรวม 3.33 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
กลยุทธ์ 3 อ.
อ. อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า
ภาคที่อยู่อาศัยกลุ่มประชาชนในภาคที่อยู่อาศัย เป็นกลุ่มที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณร้อยละ 25 ของปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ การดำเนินการในภาคที่อยู่อาศัยนี้จึงมุ่งเป้าหมายไปที่การส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงโดย กฟผ. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิต/ผู้นำเข้า
และผู้ประกอบการผลิต และนำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงประหยัดไฟ ซึ่งนอกจากจะเป็นการผลักดันให้มีการพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ให้เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงตามไปด้วยแล้ว ยังทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น หลอดอ้วน
หมดไปจากตลาดเมืองไทยอีกด้วย
อ. อาคารประหยัดไฟฟ้า
สัดส่วนการใช้พลังงานในภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 75 ของการใช้พลัังงานทั้งประเทศ ยิ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้นเท่าใด การใช้พลังงานจะสูงตามไปด้วย และเพื่อให้มีการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม
เห็นความสำคัญ และพร้อมใจกันใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกับกลุ่มภาคที่อยู่อาศัยพร้อมไปกับการใช้มาตรการต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิด “อ” ที่สอง คือ อาคาร/โรงงาน ประหยัดไฟฟ้าซึ่ง ได้แก่ การบริหารการใช้ไฟฟ้าการปรับปรุงระบบป้องกันความร้อนเข้าสู่อาคาร การใช้ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง และการปรับปรุงระบบแสงสว่าง การจัดการอบรมให้ความรู้
ด้านการใช้พลังงานอย่างถูกต้องลดต้นทุนการผลิตสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
อ. อุปนิสัยประหยัดไฟฟ้า
ถึงแม้ว่าจะได้มีการส่งเสริมให้มีการใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าในภาค
ที่อยู่อาศัย และอาคารประหยัดไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมประสบความสำเร็จแล้วก็ ทัศนคติหรือ การรับรู้เรื่องการประหยัดพลังงาน มีความจำเป็นต้องตอกย้ำ และสร้างองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง กฟผ. ได้ดำเนินโครงการปลูกฝังอุปนิสัยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพแก่เยาวชน และประชาชน โดยประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานครจัดตั้ง “ห้องเรียนสีเขียว” (GREEN LEARNING ROOM) เพื่อเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมในการใช้ไฟฟ้าอย่าง
มีประสิทธิภาพแก่เยาวชนของชาติตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมโดยผ่านระบบการศึกษาของประเทศเพื่อปลูกฝังอุปนิสัยการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพให้ยั่งยืน ปัจจุบันมีห้องเรียนสีเขียวอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
CONCEPT บ้านเบอร์ 5
บ้านเดี่ยว
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยเมื่อทำการปลูกสร้างบ้านแล้ว ต้องมีพื้นที่เปิดโล่งเพียงพอที่จะทำช่องเปิดได้หรือบ้านเดี่ยวที่การเคหะแห่งชาติจัดสรร
ก่อสร้างติดกันสองบ้าน มีผนังร่วมกัน มีที่ว่างระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินกับอาคารด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างของแต่ละบ้าน และมีทางเข้าแต่ละบ้านแยกจากกันเป็นสัดส่วน
บ้านแถวหรือตึกแถวที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีที่ว่างด้านหน้าและด้านหลังระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินกับอาคารแต่ละคูหา และมีความสูงไม่เกิน 3 ชั้น
ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลางแหล่งเรียนรู้อาคารเขียว ตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนทางพลังงาน และสิ่งแวดล้อมไทย (TREES) กฟผ. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการลดใช้พลังงานออกแบบอาคารศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง (EGAT Learning Center, Headquarters) แหล่งเรียนรู้ต้นแบบอาคารประหยัด พลังงาน ผ่านการประเมินอาคารตามมาตรฐานเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงาน และสิ่งแวดล้อมไทย (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability : TREES) โดยสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) ในระดับคะแนนช่วงสูงสุด (Platinum) นับเป็นอาคารแห่งแรกของ กฟผ. ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TREES ในระดับ Platinum นายวิรัช อุดมพงศ์ลักขณา ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบและบริหารงานก่อสร้าง เปิดเผยว่าศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง ได้รับการออกแบบอย่างพิธีพิถันสร้าง และดำเนินการโดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรพลังงาน และสภาพแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการก่อมลภาวะ ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำและสร้างพื้นที่ที่มีคุณค่าเพิ่มคุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้อาคาร โดยผ่านเกณฑ์การประเมินตามมาตรฐาน TREES ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทย ในระดับคะแนนช่วงสูงสุด (Platinum) สำหรับอาคารก่อสร้าง และปรับปรุงโครงการใหม่ (New Construction) ด้วยคะแนน 62 คะแนน จากคะแนนเต็ม 85 คะแนน ตามการพิจารณาทั้ง 8 หมวด ได้แก่ 1. การบริหารจัดการอาคาร 2. ผังบริเวณภูมิทัศน์ 3. การประหยัดน้ำ 4. พลังงานและบรรยากาศ 5. วัสดุและทรัพยากรในการก่อสร้าง 6. คุณภาพของสภาพแวดล้อมภายในอาคาร 7. การป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม 8. นวัตกรรม โดยเริ่มประเมินตั้งแต่ ขั้นตอนการวางแผนการก่อสร้างเป็นต้นมาเพื่อให้การบริหารจัดการค่าการใช้พลังงานสุทธิสำหรับอาคารสำนักงาน ไม่เกินค่าที่กำหนด 171 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตางรางเมตรต่อปี (Building energy code , BEC) ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ของกระทรวงพลังงาน แต่อาคารศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลางได้ตรวจวัดค่าการใช้พลังงงานสุทธิจริง สามารถวัดได้เพียง 126 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตางรางเมตร ต่อปีเท่านั้น นับได้ว่าศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง เป็นอาคารแห่งแรกของ กฟผ. ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TREES ในระดับ Platinum สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของ กฟผ. ในการเป็นผู้นำการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากในด้านการเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง ยังได้รับการออกแบบให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบอาคารประหยัดพลังงาน โดยนำเสนอองค์ความรู้ผ่านสื่อนิทรรศการ พร้อมเปิดให้เยี่ยมชมอาคารและการบริหารการใช้พลังงานและทรัพยากรภายในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถมาเรียนรู้ และนำไปต่อยอด หรือนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ กฟผ. มุ่งมั่นสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าควบคู่กับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม จึงให้ความสำคัญ กับการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน เป็นการอนุรักษพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ส่งผลให้สามารถจัดการการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กฟผ. เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการและอาคารศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเปิดให้บริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 -16.00 น. (หยุดวันจันทร์ และวันหยุด นักขัตฤกษ์) สามารถติดต่อ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง https://www.facebook.com/egatlearningcenter/ หรือโทร. 0 2436 8952
EGAT GO GREEN
ดำเนินงานรณรงค์การรักษ์สิ่งแวดล้อมภายใน กฟผ. ภายใต้แนวคิด“รักษ์สิ่งแวดล้อมง่าย ๆ ทำได้ในชีวิตประจำวัน” ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจาก"เรื่องง่าย ๆ" ที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน โดยสร้างการรับรู้ โน้มน้าวใจให้เกิดแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ รวมถึงเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม