เขื่อนสิรินธร เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ ที่มีความสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะให้ประโยชน์ทางด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังอำนวยประโยชน์นานัปการต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคแถบนี้ทั้งทางด้านการชลประทานการ ป้องกันอุทกภัย การประมง และการท่องเที่ยว
ลักษณะเขื่อนและโรงไฟฟ้า
เขื่อนสิรินธร เป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวสร้างปิดกั้นแม่น้ำ
ลำโดมน้อยอันเป็นสาขาของแม่น้ำมูล ที่บริเวณแก่ง
แซน้อย ต.ช่องเม็ก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ต.นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย
อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี) โรงไฟฟ้าติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เครื่อง ขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 12,000 กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 36,000
กิโลวัตต์
ลักษณะเขื่อนและโรงไฟฟ้า
ได้เริ่มในเดือนมิถุนายน 2511 และมีการวาง
ศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เชิญพระนามของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ขนานนามเขื่อนว่า “เขื่อนสิรินธร” การก่อสร้าง
ตัวเขื่อน และระบบส่งไฟฟ้าระยะแรกแล้วเสร็จในปี 2514
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดเขื่อนสิรินธรเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2514
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2515 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มอบเขื่อนสิรินธรให้อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ประโยชน์
เขื่อนสิรินธรเป็นโครงการอเนกประสงค์จึงสามารถอำนวย ประโยชน์อย่างกว้างขวางในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การผลิตพลังงานไฟฟ้าสามารถใช้พลังน้ำมาผลิตพลังงานได้เฉลี่ยปีละ 90 ล้าน
กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ขยายขอบเขตการจ่ายกระแสไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือออกไปได้กว้างขวางขึ้น
การชลประทานสามารถส่งน้ำที่เก็บกักไว้ในอ่างเก็บน้ำไปใช้ในระบบชลประทานได้เป็นพื้นที่ 152,000 ไร่ จึงช่วยให้เกษตรในแถบนี้ทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี นอกจากนี้ เขื่อนสิรินธรสามารถกักเก็บน้ำที่ไหล่บ่ามาตามแม่น้ำ
ลำโดมน้อยไว้ได้เป็นจำนวนมากจึงช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมและช่วยให้แม่น้ำมูลสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้านการประมงอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธรเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่โดย กฟผ. ร่วมมือกับกรมประมงนำพันธุ์ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่มาปล่อย อาทิ ปลายี่สก ปลานิล ปลาไน และกุ้งก้ามกราม ทำให้ราษฎรมีอาชีพหลักเพิ่มขึ้น การคมนาคม สามารถใช้อ่างเก็บน้ำเป็นเส้นทางเดินเรือติดต่อค้าขาย และคมนาคมขนส่งผลผลิตออกสู่ตลาดได้สะดวกอีกทางหนึ่ง การท่องเที่ยว ความสวยงามสงบร่มรื่นของภายในบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม และพักผ่อนหย่อนใจเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการขยายตัวทางด้านธุรกิจท่องเที่ยวอื่น ๆ ตามไปด้วย
โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ที่ได้ติดตั้งแผง
โซลาร์เซลล์บนผืนน้ำอันกว้างใหญ่พื้นที่กว่า 450 ไร่ ซึ่งมีจุดเด่นที่
ไม่เหมือนใครอยู่ที่ระบบสามารถผลิตไฟฟ้าได้ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก และเมื่อไม่มีแสงแดดหรือในเวลากลางคืน ก็สามารถนำพลังน้ำจากเขื่อนสิรินธรมาผลิตไฟฟ้าได้ โดยมีกำลังการผลิต 45 เมกกะวัตต์ ซึ่งลดข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียนที่มักขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานอีกด้วย นับว่าเป็นนวัตกรรมไฮบริดสุดล้ำของ กฟผ. ที่แรกของประเทศไทยและยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกเข้ามาสัมผัส
โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งนี้อย่างใกล้ชิดประมาณกลางปี 2564
หากยังชมความอลังการของโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร
ยังไม่จุใจ ลองมาเปลี่ยนมุมชมความกว้างใหญ่ของโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ ในมุมที่สูงขึ้นไปอีกนิด ตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติ (Nature Walkway) ความยาวกว่า 415 เมตร เส้นทางอันร่มรื่นที่รายล้อมไปด้วยมวลหมู่พันธุ์ไม้ท้องถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานี ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยว ได้เข้ายลโฉมในระยะแรกของเส้นทางชมธรรมชาติ ความยาว 200 เมตร ประมาณปลายปีนี้ ให้ทุกท่านได้ถ่ายรูปสุดอินเทรนด์อวดโลกโซเชียล ได้ก่อนใคร หากใครเป็นสายถ่ายภาพอาร์ต ๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
มุมมหาชนบริเวณสันเขื่อนสิรินธรแห่งนี้ ที่นอกจากจะเห็นมุมของถนน ทอดยาวเป็นทางโค้งรับกับมุมกว้างใหญ่ของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีพื้นที่ ประมาณ 288 ตารางกิโลเมตร และยังเห็นวิวภูเขากับท้องฟ้าไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา นับเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชม และพักผ่อนหย่อนใจไม่ขาดสาย หรือจะมาวิ่งออกกำลังกายสัมผัสบรรยากาศริมเขื่อนก็น่าสนใจไม่น้อย
<เปลี่ยนบรรยากาศมาล่องเรือหรือล่องแพในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนสิรินธรกันบ้าง ถัดจากโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด หากล่องเรือมาตามทางของกระแสน้ำจะพบกับหินผาริมน้ำ ที่เป็นจุดแวะพักของเรือแพ และยังเป็นจุด วัดใจนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายปีนขึ้นไปเพื่อกระโดดลงน้ำ
ในระดับสูงขึ้นไปอีก ทำเอาแอบใจเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ไปยืนอยู่บนผา แต่หากใครไม่ชอบความตื่นเต้นก็สามารถแวะพักเล่นน้ำบริเวณเดียวกันได้อย่างจุใจ
ใครที่เป็นสายบุญ ต้องมาแวะที่วัดป่าโพธิญาณหรือชุมชนท้องถิ่นนิยม เรียกว่า วัดเกาะ หรือวัดเขื่อน นอกจากนี้ยังสร้างอุโบสถยื่นออกไปในอ่างเก็บน้ำ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวัดแห่งนี้ และในช่วงเช้า
พระสงฆ์จะนั่งเรือเพื่อออกไปบิณฑบาตอีกด้วย
วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งได้จำลอง
สภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส มีจุดเด่นอยู่ที่
การมาชมภาพเรืองแสงของจิตรกรรมจากภาพต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่
บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืนที่เกิดจากการใช้โมเสกที่มี
สารเรืองแสงตกแต่งบริเวณรอบ ๆ
สำหรับใครที่อยากพักค้างคืนเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติรอบเขื่อนสิรินธร กฟผ. ตื่นเช้ามาชมวิวรอบเขื่อนสูดอากาศบริสุทธิ์
ทางเขื่อนสิรินธรก็มีบ้านพักรับรองให้พักกันได้หลากหลายสไตล์
สนใจโทรสำรองที่พักได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 045366085 หรือ 0892803197
ตั้งอยู่ภายในเขื่อนสิรินธร ร้านอาหารริมอ่างเก็บน้ำบรรยากาศเย็นสบายเหมาะแก่การรับลมธรรมชาติ ที่นี่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะเมนูปลาจากแม่น้ำโขง หรือเมนูหมูยออุบลที่ขึ้นชื่อ ราคาไม่แพง เรียกได้ว่ามาเขื่อนสิรินธรต้องแวะชิมเมนูปลาของร้านอาหารเรือนโดมน้อยสักครั้ง รับรองว่าเด็ดจริง
มีเครื่องดื่มไว้ดับกระหายให้กับนักท่องเที่ยวด้วยเมนูหลากหลาย
รสชาติดี๊ดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้าน ทั้งเครื่องดื่มร้อน เครื่องดื่มเย็น หรือปั่นเพื่อเพิ่มความสดชื่น รับประทานคู่กับขนม หรือเค้กแสนอร่อยก็เข้ากั๊นเข้ากันราคาไม่แพงแถมยังได้นั่งชมบรรยากาศสุดชิว
ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธรได้เพลิน ๆ
เมื่อเที่ยวจนเต็มอิ่มแล้วก่อนเดินทางกลับบ้านก็อย่าลืมมาเลือกซื้อสินค้า จากชุมชนท้องถิ่นรอบเขื่อนสิรินธรที่ตลาดโดมน้อย ที่สำคัญยังช่วย อุดหนุนสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดในภาพรวมอีกด้วย
มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแบบครบมิติ ฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
มุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานโดยให้ชุมชนเป็นฐานในการจัดการทรัพยากร ใช้ความรู้สมัยใหม่ควบคู่กับภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยมีพื้นที่นำร่องจำนวน 6 พื้นที่ ประกอบด้วย บ้านห้วยยาง บ้านดงบัง ต.ดงเมืองแอม บ้านหนองแวงเรือ บ้านทุ่งบ่อ บ้านนางิ้ว-นาโพธิ์ ต.นาโพธิ์ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น และบ้านโคกศรี ต.นาดี อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแบบครบมิติ ฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่นำร่อง คือ บ้านนาขุม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
มีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้สมุนไพร ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์แผนไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สุขสมบูรณ์ของผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases - NCDs) โดยมีพื้นที่นำร่อง 3 พื้นที่ ประกอบด้วย ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล
มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ในชุมชน รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง มีพื้นที่นำร่องคือ ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
1. พัฒนาคน
2. ปรับพื้นที่ โคก หนอง นา โมเดล
3. จัดเก็บข้อมูล
4. สร้างเครือข่ายรวมกลุ่มชุมชน
5. สื่อสาร ขยายผล
โรงไฟฟ้าพระนครใต้
จังหวัดสมุทรปราการ
โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ
จังหวัดนนทบุรี